เมื่อวันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2568 มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) โดย สำนักวิชาการจัดการ ร่วมกับ MONASH University ประเทศออสเตรเลีย จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาการ "การพัฒนาเมืองโดยการปรับตัวบนฐานธรรมชาติ" ณ ห้องประชุมชงโค ชั้น 3 อาคาร M-Square เพื่อเป็นการให้ความรู้แก่หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนที่เกี่ยวข้อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เกี่ยวกับการจัดการเมือง การบำบัดมลพิษของโลหะหนักโดยใช้เทคโนโลยีจุลชีพ ที่จะตอบโจทย์การแก้ไขปัญหามลพิษทางสิ่งแวดล้อม (ดิน-น้ำ) ที่เกิดการปนเปื้อนในธรรมชาติที่เผชิญในปัจจุบัน รวมถึงการวางแผนพัฒนาเมืองในอนาคต ภายใต้การปรับตัวบนฐานธรรมชาติ ซึ่งมีหลายภาคส่วนเข้าร่วม เช่น จังหวัดเชียงราย ปกครองจังหวัดเชียงราย การประปาส่วนภูมิภาค สำนักงานประมงจังหวัดเชียงราย คณะกรรมการลุ่มน้ำโขงเหนือ สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย เทศบาลนครเชียงราย กรมทรัพยากรน้ำ กรมโยธาธิการ การประปาจังหวัดเชียงราย องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ มูลนิธิร่มโพธิ์ สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ผู้นำชุมชน รวมทั้งคณาจารย์และนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เป็นต้น
.
ในการนี้ นายรุจติศักดิ์ รังษี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ให้เกียรติเข้าร่วมงาน อาจารย์ ดร.ปิยธิดา เพียรลุประสิทธิ์ คณบดีสำนักวิชาการจัดการ มฟล. กล่าวต้อนรับและกล่าวเปิดงาน พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อภิสม อินทรลาวัณย์ อาจารย์สำนักวิชาการจัดการ ผู้ดำเนินโครงการ โดยได้รับเกียรติจากวิทยากร Associate Professor Jianbin Wang Ph.D. Chief Innovation Officer, Water Sensitive Cities Australia, Monash University ผู้เชี่ยวชาญระดับโลก ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำในเขตเมือง บรรยายพิเศษ ในหัวข้อ "Delivering Multi-Functional Urban Water System Through Integrated Green and Grey Infrastructure at Multiple Scales"
.
นอกจากนี้ ยังมีการบรรยายพิเศษ หัวข้อ "การบำบัดมลพิษของโลหะหนักโดยใช้เทคโนโลยีจุลชีพ" โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธวัชชัย สุ่มประดิษฐ หัวหน้าภาควิชาจุลชีววิทยาและปรสิตวิทยา คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และการบรรยายพิเศษ หัวข้อ "Biochars derived from agricultural wastes" โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ฐิติพร สุวรรณวงศ์ สำนักวิชาวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และยังเป็นโอกาสให้เกิดการสนทนา แลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวทางการประยุกต์ใช้ในบริบทของจังหวัดเชียงราย โดยมีการลงพื้นที่สำรวจแหล่งน้ำและดินในพื้นที่จริงอีกด้วย
.
อาจารย์ ดร.ปิยธิดา เพียรลุประสิทธิ์ คณบดีสำนักวิชาการจัดการ กล่าวว่า ในนามมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มีความยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับมาต้อนรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาการ “การการพัฒนาเมืองโดยการปรับตัวบนพื้นฐานธรรมชาติ” ันเป็นความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงและ MONASH University ประเทศออสเตรเลีย
.
“จากการประสบโจทย์ที่ท้าทายของจังหวัดเชียงราย ซึ่งกำลังเผชิญกับภัยคุกคามจากธรรมชาติที่มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และรวมถึงมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ในประการแรกเป็นเรื่องของความเปราะบางจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่เราเห็นได้ชัดในสองปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วมซ้ำซาก ประกาศที่สองเป็นประเด็นที่น่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน คือเรื่องภัยคุกคามจากมลพิษข้ามพรมแดน ซึ่งเกิดจากกิจกรรมทำเหมืองจากพื้นที่ต้นน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการปนเปื้อนโลหะหนักในแม่น้ำสาย ซึ่งวิกฤตการณ์คู่ขนานที่เกิดขึ้นนี้เป็นความท้าทายอย่างมาก ต่อการพัฒนาจังหวัดและความความสามารถในการฟื้นตัวโดยรวมของเชียงราย มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าการแก้ไขปัญหาให้มีประสิทธิผลนั้น ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ ความรู้จากจากหลายด้าน นักวิชาการ ผู้ปฏิบัติงานในท้องถิ่น รวมถึงชุมชน ร่วมมือกันทุกภาคส่วน ในการที่จะแก้ไขหรือบรรเทาปัญหาเหล่านี้ให้ผ่านพ้นไปได้”
.
“ในครั้งนี้ ผู้จัดหวังว่าเราจะมีองค์ความรู้ที่เกิดขึ้น ในเรื่องของแนวทางการแก้ไขปัญหาโดยธรรมชาติ ซึ่งในวันนี้ได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.เจียนบิน หวัง ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำในเขตเมืองแบบหลายหน้าที่ (Developing Multi-Functional Urban Water Infrastructure) ท่านจะมานำเสนอแบบจำลองความสำเร็จระดับโลก ในการบูรณาการโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว และโครงสร้างพื้นฐานสีเทา ซึ่งอาจจะเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาของจังหวัดเชียงรายในอนาคตได้ ถึงแม้ว่าเราจะมีนวัตกรรม มีองค์ความรู้ที่เกิดขึ้น แต่เราต้องยอมรับอย่างหนึ่ง ว่าถึงแม้เราคนปลายน้ำจะมีแนวทางการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ทั้งหมดนี้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้หมดสิ้นไปได้ ถ้าไม่แก้ไขปัญหาที่ต้นน้ำด้วย ดิฉันหวังว่าองค์ความรู้ที่เกิดขึ้นในวันนี้ จะนำไปสู่ข้อแก้ไขปัญหา ยุทธศาสตร์หรือกลยุทธ์ ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมการฟื้นตัวของเมือง ควบคู่ไปกับการเรียกร้องให้มีการควบคุมการปนเปื้อนที่แหล่งกำเนิด และเกิดข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่เป็นรูปธรรม ซึ่งวันนี้ท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะสามารถนำไปใช้งานได้ในอนาคต ขอขอบคุณทุกท่านที่มาเป็นส่วนหนึ่งในงานนี้ หวังว่าในวันนี้เราจะมีสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นจากการสนทนาของเรา” คณบดีสำนักวิชาการจัดการ มฟล. กล่าว
.
ด้าน นายรุจติศักดิ์ รังษี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้ให้เกียรติกล่าวก่อนเริ่มการบรรยายว่า
.
“การเสวนาเชิงวิชาการครั้งนี้ วัตถุประสงค์หนึ่งที่จะนำไปสู่การวิจัยที่จะได้แนวทางนำไปสู่การปฎิบัติในพื้นที่ ผมเชื่อว่าจังหวัดเชียงราย พี่น้องชาวจังหวัดเชียงราย ก็จะได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ ซึ่งหัวข้อที่ได้ตั้งขึ้นมามีความเหมาะสม เพราะการพัฒนาเมืองจะต้องมีการปรับตัวบนพื้นฐานธรรมชาติ เพราะว่าในพื้นที่ทั่วประเทศหรือทั่วโลกมีการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นำไปสู่สิ่งต่าง ๆ ที่ขาดความสมดุล และเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้นทั่วโลก”
“ผมว่าในประเทศไทย จังหวัดเชียงรายเป็นพื้นที่ที่น่าจะทำการวิจัย มีความเหมาะสมในเรื่องนี้มากกว่าจังหวัดอื่น ด้วยประสบภัยพิบัติจากธรรมชาติในหลายด้าน ส่วนหนึ่งมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพพูมิอากาศ ถ้าเกิดความสำเร็จจังหวัดเชียงรายก็สามารถเป็นโมเดลไปใช้ได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสวนาในวันนี้เป็นการโฟกัสไปที่เรื่องดินและน้ำ อันนี้เป็นปัญหา เพราะว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กระทบหนักก็คือดินกับน้ำ ด้านน้ำกระทบมีทั้งน้ำท่วมและน้ำแล้ง มีทั้งน้ำไม่สะอาด สารโลหะหนักปนเปื้อนในแม่น้ำกก สาย รวก ปีที่ผ่านมาเราประสบปัญหาค่าเกินมาตรฐาน ปีนี้ยังไม่เกินแต่ก็มีความสุ่มเสี่ยงที่ไม่น่าไว้วางใจ ช่วงนี้อาจจะอยู่ในช่วงฤดูฝน แต่หนาวนี้กับแล้งนี้พี่น้องประชาชนอาจได้รับผลกระทบเนื่องจากปริมาณน้ำเหลือน้อย สารตกค้างอาจจะมีความเข้มข้น”
.
“ผมมีโอกาสได้มีร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงหลายครั้ง และร่วมงานกันหลากหลายภาคส่วน สิ่งสำคัญที่เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงราย ก็คือเรายังไม่มีการวางแผนการจัดการน้ำ ที่เป็นแผนแม่บทที่เป็นปัจจุบัน กรมโยธาธิการและกรมผังเมืองเคยทำแผนภูมิสังคม ที่เป็นผังน้ำที่เป็นแม่น้ำสายหลัก สายรอง สายเล็กสายน้อยในพื้นที่แต่ละตำบล เมื่อทำเสร็จแล้วผ่านมาหลายปียังไม่ได้มีการเติมข้อมูลใหม่และสานต่อ ในการจัดการน้ำทั้งน้ำท่วม น้ำแล้ง และน้ำอุปโภคบริโภค น้ำไม่สะอาดหรือน้ำมีสารพิษ ก็จะอยู่ในแผนจัดการน้ำ จึงขอฝากทางทีมนักวิชาการ นักวิจัยของมหาวิทยาลัย เมื่อมีโอกาสนำผลการวิจัยมาร้อยเรียงเป็นระบบ และทุกภาคส่วน ร่วมกันจัดทำแผนบริหารจัดการน้ำที่เป็นแผนแม่บท เพื่อที่จะลดความรุนแรงในเรื่องของน้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก หรือเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน และจัดการมลภาวะต่าง ๆ หลายปีที่ผ่านมามลภาวะของเชียงรายลดลง เพราะเรามีการคุมเข้มพื้นที่ ให้แต่ละภาคส่วนดูแลอย่างจริงจัง รวมถึงพื้นที่ของประชาชนก็ต้องดูแลในพื้นที่ของตนเอง เมื่อนักท่องเที่ยวเห็นค่าตัวเลขลดลง ทำให้มีความเชื่อมั่นและตัดสินเข้ามาในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งปีที่ผ่านมีจำนวนอันดับหนึ่งของเมืองรอง ทำให้พี่น้องประชาชนในทุกกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้มีโอกาสได้ขาย ได้เพิ่มรายได้ ซึ่งนำไปสู่การสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดเชียงราย”
.
“อยากให้คณะวิจัยนำผลตรงนั้นไปสู่การปฎิบัติให้เห็นผล ให้เกิดประโยชน์ตามเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่หรือกลุ่มคน ชุมชน หมู่บ้าน ตำบล ให้เราได้ประโยชน์ทันที หมายถึงว่าวิจัยแบบทำด้วยวิชาการไปด้วย ทำให้เกิดประโยชน์ไปด้วย ทำให้เป็นโมเดลที่ที่อื่นมาดูและเข้าใจได้ง่าย เชื่อมั่นว่าการวิจัยจะสามารถหาแนวทางที่จะแก้ไขปัญหาได้ทุกอย่าง ขอบคุณทุกภาคส่วน ได้มาเห็นความตั้งใจของทุกท่านที่ได้มาเสวนาหาทางช่วยเหลือพี่น้องชาวจังหวัดเชียงรายและพี่น้องชาวไทย ขอบคุณมากครับ” รองผู้ว่าฯ กล่าว