หลักสูตรพุทธศิลปกรรม มฟล. จัดเสวนา “ชีวิต เวลา ยืดหยุ่น " (Living in an Elastic Time) จากงานคราฟท์ สู่งานศิลปะร่วมสมัย โดย อ.ทรงเดช-อ.อังกฤษ

หมวดหมู่ข่าว: ข่าวเด่น

   เมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม 2568 หลักสูตรระยะสั้น สาขาวิชาพุทธศิลปกรรม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) โดย สถาบันศิลปวัฒนธรรมและอารยธรรมลุ่มน้ำโขง และ ศูนย์บริการวิชาการ จัดการเสวนาในหัวข้อ “ชีวิต เวลา ยืดหยุ่น” (Living in an Elastic Time) ในประเด็นงานคราฟท์ สู่งานศิลปะร่วมสมัยได้อย่างไร การเสวนาเป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาการบริหารจัดการศิลปะ: การขับเคลื่อนระบบนิเวศทางศิลปะ และศิลปะกับสังคม โดยได้รับเกียรติจาก อ.อังกฤษ อัจฉริยโสภณ อาจารย์พิเศษ และ อ.ทรงเดช ทิพย์ทอง อาจารย์ประจำหลักสูตร เป็นวิทยากรให้แก่ผู้เรียนหลักสูตรระยะสั้น สาขาวิชาพุทธศิลปกรรม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง รุ่นที่ 5 พ.ศ. 2568 พร้อมด้วยศิลปินเชียงราย และผู้สนใจรับฟัง ณ ห้อง E4A-507 อาคารพลเอกสำเภา ชูศรี E4 มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และรูปแบบออนไลน์ผ่านโปรแกรม Zoom Meeting

   การเสวนาครั้งนี้ เปิดโอกาสให้ผู้เรียน ศิษย์เก่า ศิลปิน นักสร้างสรรค์ และบุคคลทั่วไป เข้ารับฟังการเสวนาในประเด็นงานคราฟท์ สู่งานศิลปะร่วมสมัยได้อย่างไร โดยยกตัวอย่างเคสที่ศิลปินได้ไปแสดงงานในงาน The Cheongju Craft Biennale 2025 เมื่อเดือนกันยาที่ผ่านมา มาเผยแพร่ และถอดองค์ความรู้ให้กับผู้สนใจได้ร่วมรับฟัง

   อ.อังกฤษ ได้ตั้งคำถาม บอกเล่า และชวนคิด ทำความเข้าใจเกี่ยวกับงานคราฟท์ งานหัตถศิลป์ และงานศิลปะร่วมสมัย มีความเหมาะสมกับจังหวัดเชียงรายอย่างไร งานคราฟท์หรืองานศิลป์ระดับโลก มีแนวความคิด แรงบันดาลใจ นวัตกรรมอะไรอยู่เบื้องหลัง เมื่องานคราฟท์เกิดขึ้นแล้วทำไมโลกจึงสนใจ งานบางชิ้นมีความธรรมดา ไม่ได้ล้ำ ไม่ได้ยาก แต่ทำไมเราไม่เคยเห็นมาก่อน งานคราฟท์เป็นเครื่องมือของคนมีอำนาจว่าจะเอางานงานคราฟท์ไปอยู่ที่ไหน 

   งานคราฟท์ คืองานที่ใช้ความตั้งใจ ความชำนาญ การรคิดผ่านมือ การจัดการวัสดุ การสร้างสรรค์งาน เชื่อมโยงวัตถุทางวัฒนธรรม ศาสนา ประเพณี ความเชื่อ จึงมีความประณีตมากกว่างานที่ใช้ในชีวิตประจำวัน อาจเป็นของถวายวัด ถวายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำให้งานคราฟท์มีการสร้างสรรค์มากกว่าพิเศษ แต่งานคราฟท์ทั่วไปจะไม่มีลายเซ็นศิลปิน เป็นงานชุมชน เช่น การสานกระติ๊บ สานกันทั้งหมู่บ้าน งานแต่ละชิ้นไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ ไม่มีปัจจเจก แต่คนทำจะรู้ว่าใครมีฝีมือ แต่งานคาฟท์ ถ่ายทอดอัตลักษณ์ เสริมสร้างเศรษฐกิจ เชื่อมโยงถิ่นที่อยู่อาศัย ภูมิภาค เช่น เป็นไม้ในถิ่นนี้ มีแค่คนที่นี่ที่รู้จักวิธีใช้ 

   ทำไมต้องสนใจงานคราฟท์ เพื่อให้รู้ว่าเรามีรากเหง้า มีกาลเวลา การสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ไม่อาจใช้เครื่องมือย่นย่อให้เกิดงานคราฟท์ที่มีเอกลัษณ์ได้ 

   Craft as a medium for communication not just making? คราฟท์ สามารถเป็นเครื่องมือในการนำเสนออุดมการณ์ การเมือง การทำงานของผู้หญิง การบอกเล่าประวัติศาสตร์ 

   งานคราฟท์ ควรเริ่มจากประสบการณ์ส่วนตัว การทกลองจากตัวตน เพราะไม่มีใครมีประสบการณ์ซ้ำกัน ทุกคนมีเอกลักษณ์ สื่อตรงกับประสบการณ์ แรงบันดาลใจจากประสบการณ์ แต่สามารถแชร์ประสาทสัมผัสร่วมกันได้ การเชื่อมโยงประสบการณ์ร่วมกันได้

  • 21 ครั้ง
  • #หลักสูตรระยะสั้น สาขาวิชาพุทธศิลปกรรม (BUDDHIST ART MFU) #สถาบันศิลปวัฒนธรรมและอารยธรรมลุ่มน้ำโขง #ศูนย์บริการวิชาการ