"ร่วมมือ รู้ทัน ปรับตัว สู้ภัยพิบัติ" มฟล. จัดเวทีรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศลุ่มน้ำอิง

มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โดยสำนักวิชาการจัดการ จัดประชุมเชิงนโยบาย "การสร้างความเข้มแข็งต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในลุ่มน้ำอิง" และมีการเสวนาทางวิชาการหัวข้อ "ร่วมมือ รู้ทัน ปรับตัว สู้ภัยพิบัติลุ่มน้ำอิง" ในวันจันทร์ที่ 28 เมษายน 2568 ณ ห้องประชุมประดู่แดง 1 อาคารพลเอกสำเภา ชูศรี มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
.
ศ.ดร.สุจิตรา วงศ์เกษมจิตต์ รองอธิการบดี เป็นประธานเปิดการประชุม เน้นย้ำความสำคัญของแม่น้ำอิงในฐานะสายน้ำแห่งอารยธรรมล้านนาที่กำลังเผชิญความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะมหาอุทกภัยในปี 2567 ที่มีปริมาณฝนตกสะสมกว่า 500 มิลลิเมตรในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ ขณะที่ ดร.รัตมณี อ๋องสกุล จากสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย ได้กล่าวถึงที่มาและความสำคัญของโครงการ
.
การประชุมได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งสภาประชาชนลุ่มน้ำอิง หน่วยงานราชการ และเครือข่ายมหาวิทยาลัย อาทิ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย องค์กร IUCN และสถาบันออกแบบและพัฒนาเมือง จุฬาลงกรณ์ โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์กร OXFAM และรัฐบาลออสเตรเลีย
.
เวทีเสวนาแบ่งเป็น 2 ช่วง โดยช่วงแรกมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่ คุณรสริน อมรพิทักษ์พันธ์ จากกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม, รศ.ชัยยุทธ สุขศรี จากคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย, ดร.จีรนุช ศักดิ์คำดวง จากสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย และคุณสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา จากสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต ส่วนช่วงที่สองเป็นการอภิปรายเกี่ยวกับความท้าทายและโอกาสจากมุมมองท้องถิ่น โดยมีผู้แทนจากจังหวัดเชียงราย พะเยา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สภาประชาชนลุ่มน้ำอิง และกลุ่มรักษ์เชียงของ
.
การประชุมมุ่งสู่เป้าหมาย พัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายจากชุมชนที่ตอบโจทย์การบริหารจัดการภัยพิบัติ การจัดการลุ่มน้ำ การเกษตรที่ยั่งยืน และการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรอบด้าน ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างชุมชน กลุ่มผู้เปราะบาง หน่วยงานรัฐ และองค์กรที่เกี่ยวข้อง และ ผลักดันแผนปฏิบัติการร่วมที่นำข้อเสนอของชุมชนไปสู่การดำเนินงานจริง
.
ช่วงท้ายของการประชุมมีการนำเสนอและส่งมอบข้อเสนอเชิงนโยบายจากชุมชนลุ่มน้ำอิงต่อหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และพัฒนาแนวทางบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและภัยพิบัติที่มีประสิทธิภาพ ยั่งยืน และเป็นธรรม
.