มฟล. ร่วมกับกรมการข้าวเปิดตัว "แพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์บล็อกเชน" เพิ่มมูลค่าข้าวไทยสู่ตลาดโลก

หมวดหมู่ข่าว: ข่าวเด่น

ศูนย์วิจัยการแปลงเป็นดิจิทัลสำหรับอุตสาหกรรมเกษตรและธุรกิจ (DTRAB Center) มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จับมือกับกองตรวจสอบรับรองมาตรฐานข้าวและผลิตภัณฑ์ กรมการข้าว เปิดตัวแพลตฟอร์ม "DLT-Blockchain" เพื่อเพิ่มมูลค่าและส่งเสริมการตลาดข้าวไทยในตลาดโลก

ดร.ดำรงพล คำแหงวงศ์ หัวหน้าศูนย์วิจัยการแปลงเป็นดิจิทัลฯ เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือภายใต้งบประมาณสนับสนุนจากโครงการยุทธศาสตร์ชาติ ประจำปีงบประมาณ 2567 โดยระบบนี้จะเป็นฐานข้อมูลมาตรฐานเปิดสำหรับการซื้อ-ขายข้าวของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ชาวนาจนถึงผู้ส่งออก
.
แพลตฟอร์ม DLT-Blockchain มีบทบาทสำคัญในการสร้างความโปร่งใสและความเป็นธรรมให้กับตลาดข้าวไทย โดยเปิดเผยข้อมูลปริมาณการซื้อ-ขาย คุณภาพการผลิตข้าว และมาตรฐานต่างๆ เช่น GAP, GMP, เกษตรอินทรีย์, คาร์บอนฟุตพริ้นท์ และคาร์บอนเครดิต ทำให้เกษตรกรสามารถกำหนดราคาจำหน่ายได้อย่างเหมาะสมตามคุณภาพและมาตรฐานของผลผลิต
.
นอกจากนี้ แพลตฟอร์มยังช่วยเชื่อมโยงเกษตรกรกับผู้ซื้อโดยตรง ลดการพึ่งพาพ่อค้าคนกลางและปัญหาการถูกกดราคา ส่งผลให้เกิดตลาดข้าวในรูปแบบดิจิทัลที่ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายสามารถกำหนดราคาตามคุณภาพได้อย่างเป็นธรรม
.
"แพลตฟอร์มนี้ไม่เพียงใช้ในตลาดภายในประเทศเท่านั้น แต่ยังสามารถขยายสู่ตลาดต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยส่งเสริมการรวมกลุ่มของเกษตรกรรายย่อย เสริมสร้างอำนาจต่อรอง อีกทั้งยังใช้เป็นเครื่องมือแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านมาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษีของประเทศคู่ค้า" ดร.ดำรงพล กล่าว
.
ปัจจุบัน ระบบ DLT-Blockchain ได้มีการทดลองใช้งานจริงกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนข้าวอินทรีย์เมืองเขมราฐธานี จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งมีเกษตรกรเป็นสมาชิกกว่า 300 ราย และได้รับผลตอบรับที่ดี คาดว่าระบบจะพัฒนาเสร็จสมบูรณ์และเปิดให้ใช้งานภายในปลายเดือนพฤษภาคมนี้
.
ด้านนายขจร โนวัฒน์ ผู้อำนวยการกองตรวจสอบรับรองมาตรฐานข้าวและผลิตภัณฑ์ กรมการข้าว เน้นย้ำถึงความสำคัญของการขอรับการรับรองมาตรฐานต่างๆ เช่น GMP และมาตรฐานข้าวคุณภาพ (ผลิตภัณฑ์ข้าว Q) ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคและคู่ค้า รวมถึงเป็นข้อได้เปรียบทางการค้าที่ช่วยให้เกษตรกรสามารถจำหน่ายผลผลิตได้ในราคาที่สูงขึ้น
.
สำหรับเป้าหมายในระยะต่อไป แพลตฟอร์มจะพัฒนาให้สามารถบันทึกข้อมูลหน่วยคาร์บอนเครดิตและปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อรองรับแนวโน้มตลาดโลกที่ให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งจะเป็นข้อได้เปรียบสำคัญในการแข่งขันด้านการค้าข้าวของไทยในตลาดโลก

  • 51 ครั้ง